รีวิว ภูกระดึง

รีวิว ภูกระดึง ลมหนาวพัดมาตามฤดูกาล ภูกระดึงเปิดทุกต้นเดือนตุลาคมของทุกปี ใครกำลังวางแผนจะไปเที่ยวแนว Adventure เบาๆ งั้นเราขอชวนเพื่อนๆมาคัดเลือกคนที่ตั้งใจจะพาไปพิชิตภูกระดึง 3 วัน 2 คืนกัน มันจะอยู่ในความทรงจำไปอีกนานแน่นอน โดยปกติของทุกปีภูกระดึงจะเปิดให้นักท่องเที่ยวขึ้นท่องเที่ยวได้ในช่วงวันที่ 1 ตุลาคม – 31 พฤษภาคม เราสามารถจองบ้านพัก เต็นท์ ลานกางเต็นท์ได้ ก่อนเดินทางขึ้นภูกระดึง ผ่านเว็บไซต์อุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช หลังจากที่เราชำระเงินจองที่พักเรียบร้อยแล้ว ก็สามารถมาเที่ยวได้แบบชิวๆ

การเดินทางไปภูกระดึงของเราไปเมื่อต้นเดือนธันวาคม อากาศหนาวที่ใครเดินทางโดยนั่งรถทัวร์จากกรุงเทพฯตั้งแต่เย็น จะถึง จ.เลย แต่เช้าตรู่ เราจะจอดรถลงที่ผานกเค้า จุดนี้จะมีร้านนั่งจิบกาแฟ โอวัลติน อุ่นๆ เพื่อรอเวลาประมาณห้าโมงครึ่งที่รถสองแถวจะวิ่งนำเราไปสู่อุทยานแห่งชาติภูกระดึง แต่สำหรับทริปนี้ เราค่อยๆ ขับรถกลับจากกรุงเทพฯ เมื่อมาถึงจังหวัดเลยก็เรียกได้ว่าเช้าตรู่ ผมจึงจอดรถไว้ที่ปั๊มน้ำมัน นอนบ้าง พอตื่นมาล้างหน้าแปรงก็ฟัง หาอะไรกินให้กระปรี้กระเปร่าแล้วเราก็มุ่งหน้าสู่อุทยานแห่งชาติ

ดีตรงที่จองเต็นท์ออนไลน์ไว้แล้ว ทำให้อะไรๆ สะดวกมาก หลังจากติดต่อจองเต๊นท์กับเจ้าหน้าที่แล้ว ก็เอากระเป๋า เสื้อผ้า และน้ำดื่มมาให้พวกเรานิดหน่อย มีจุดชั่งน้ำหนักเพราะคิดว่าเราคงแบกกระเป๋าขึ้นภูกระดึงไม่ไหวแน่เลย งานนี้ต้องขึ้นอยู่กับคุณลูกพิณ เสร็จสิ้นการจัดเตรียมทั้งหมด ได้เวลาเดินทางขึ้นภูกระดึง! สิ่งที่ขาดไม่ได้คือน้ำขวดเล็กไว้จิบระหว่างทาง แสงแดดเริ่มส่องผ่านใบไม้ อากาศเริ่มเย็นลงแล้ว เราถอดเสื้อกันหนาวออก และเดินได้ตามปกติ ทางที่เดินขึ้นๆ ลงๆ ส่วนใหญ่จะอยู่บนดิน มีทั้งทางเรียบๆ ทางชันบ้าง บันไดบ้าง สลับกันไปตลอดทางที่แบบว่า โอ้ย ไม่ไหวแล้ว! เจอตากับยายเดินขึ้นภูกระดึงกันแบบไม่เร่งรีบ ทำให้เขาฮึดสู้อีกครั้งจนในที่สุดความพยายามครั้งแรกก็สำเร็จ ตอนนี้ฉันอยู่ที่ซำแฮก

ซำแฮ่ก ซำแรกที่โหดสุดๆ รีวิว ภูกระดึง

รีวิว ภูกระดึง ซำแฮกจะเป็นจุดแรกที่มีร้านค้า ร้านอาหาร สำหรับให้บริการนักท่องเที่ยวที่กำลังเดินขึ้นลงภูกระดึงมีห้องน้ำให้บริการด้วย เหมือนโอเอซิสกลางทะเลทราย แต่พวกเราก็ยอมจ่ายเพราะกว่าจะเดินมาถึงที่นี่ทั้งวัตถุดิบที่ต้องใช้ในการทำข้าวแต่ละจานและน้ำแต่ละแก้วไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลย น้ำปูนแดงโซดานี่ช่วยชีวิต…มาเติมพลังกันเถอะ เติมพลังให้เต็มที่แล้วไปต่อ ราเดินต่อไปอีกหลายครั้ง หลายครั้ง ผ่านสามบอง สามกกก จนมาถึงหลังแปในที่สุด ใช้เวลาเดินขึ้นภูกระดึงครั้งนี้เกือบ 7 ชั่วโมง เพราะมีหลงบ้างนั่งถ่ายรูปเล่น. มีเพื่อนคนนึงเป็นตะคริวเหมือนกัน บอกเลยว่าสิ่งที่จำเป็นมากในการมาภูกระดึงคือการจิบน้ำเรื่อยๆ โดยเฉพาะน้ำแร่เพราะร่างกายเสียเหงื่อไปมาก เวลาเดิน ถ้าเป็นตะคริวก็ยุบเหมือนกัน

ระหว่างทางก็เพลินชมธรรมชาติหยุดพักเป็นระยะเพราะสงสารเพื่อนที่เป็นตะคริว เป็นจังหวะช้าๆ ช้าๆ ทำให้เรารู้สึกใกล้ชิดธรรมชาติมาก แถมอากาศยังดีอีกด้วย แม้จะดูมีแดดจัด แต่ลมหนาวก็ไม่ยอมคลายร้อนเลยแม้แต่น้อย ชมพระอาทิตย์ตกที่ผาหมากดูก

พวกเราและผองเพื่อนหลังจากพิชิตภูกระดึงได้ก็มุ่งหน้าสู่จุดบริการนักท่องเที่ยวของอุทยานแห่งชาติ หลังจากเก็บถุงนอน ผ้าห่ม หมอนแล้ว เราก็ไปที่จุดกางเต๊นท์ เก็บของเสร็จไปจุดแรกกันที่ ผาหมากดูก จุดชมพระอาทิตย์ตกใกล้ลานกางเต็นท์ หนึ่งวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว ดวงตะวันค่อย ๆ หายไปแทนที่ดวงจันทร์และดวงดาว บอกเลยว่าที่นี่เหมือนได้เอื้อมมือไปหยิบดาวกันเลยทีเดียว แถมอากาศ กลางดึกแบบนี้ ก็ยังหนาวจนหายใจไม่ทั่วท้องอยู่ดี

ตั้งแลนด์มาร์ค ที่ ผาหล่มสัก

ตื่นเช้ามาพร้อมกับหมอกและต้นสน ถึงเวลาออกผจญภัยแล้ว การเดินทางบนภูกระดึงมี 2 วิธี เดินไปตามจุดต่าง ๆ และปั่นจักรยานท่องเที่ยว เรามองหน้ากันกับเพื่อน ๆ และปีที่แล้วที่มาเที่ยวก็เคยปั่นจักรยานไปเที่ยวด้วยกัน คราวนี้ขอเลือกเดินเล่นสบายๆ หลังตกลง กองทัพเดินด้วยท้อง! งานนี้ครบทั้งคาวหวาน ก่อนออกจากพลัส เดินเล่นชิวๆ แวะถ่ายรูปก่อนออก สำหรับเป้าหมายของเราคือเดินไปยังจุดต่างๆ บนภูกระดึง และไปสิ้นสุดที่จุดชมวิวพระอาทิตย์ตกอันโด่งดังที่ผาหล่มสักรีวิว ภูกระดึง

อิ่มแล้วก็พักผ่อนกันซักหน่อย เราก็เริ่มออกเดินทางกันเลย โดยเริ่มที่แรกด้วยการไปไหว้พระที่ลานพระศรีนครินทร์ มาลุ้นกันหน่อย จากนั้นเดินทางต่อไปยังสระอโนดาตซึ่งเป็นสระสีเขียวสวยงาม แต่ช่วงที่เรามาเป็นช่วงหน้าแล้ง น้ำจะลดระดับลงบ้าง ตอนกลางวันแดดร้อนแบบนี้ แต่จริงๆ มีลมเย็นๆ พัดมาให้ขนลุกเป็นระยะๆ ฉันอยู่ที่นี่ตลอดเวลา อากาศเย็นสบายมากๆ เราเดินไปตามหน้าผาต่างๆ เช่น ผานาน้อยและผาแดง ระหว่างทางก็ดื่มด่ำกับธรรมชาติไปด้วย อากาศที่นี่ดีมาก สูดอากาศให้เต็มปอด มีทั้งดอกไม้ใบหญ้าและยังมีสัตว์ป่า เพราะเจอกวางก็เลยต้องค่อยๆ ถอย เพราะกลัวจะไม่ชินกับคน อีกที่ที่เราตั้งใจมาคือผาเหยียบเมฆ จุดนี้บรรยากาศเหมือนอยู่บนก้อนเมฆจริงๆ มองลงมาแล้วสูงกลัวมาก เป็นมุมถ่ายรูปที่สวยมาก อีกแห่งบนภูกระดึง.

ผาหล่มสัก จุดชมพระอาทิตย์ตกบนภูกระดึง แดดร่มลมตกแล้ว ก็ได้เวลาไปสถานที่สุดท้ายของวัน ผาหล่มสัก นี่คือไฮไลท์ของทริปภูกระดึงของเรา เพราะเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศไทยเลยทีเดียว จะมีร้านกาแฟเล็กๆ และขายโปสการ์ดด้วย รับกาแฟร้อนสักแก้วเพื่อคลายร้อน พร้อมเขียนโปสการ์ดถึงคนไกล ก็ยิ่งได้อารมณ์ของการเดินทาง จุดถ่ายรูปที่สวยงามของผาหล่มสักคือ จะมีหน้าผายื่นออกมา พร้อมกับต้นสนที่ปลูกอยู่ข้างๆ ถ่ายรูปออกมา สวยมาก แถมลมหนาวก็เริ่มพัดมาเต็มแรงแล้ว สิ่งนี้ดีต่อหัวใจมาก ธรรมชาติที่สวยงามแห่งนี้ อยากเก็บไว้เป็นความทรงจำในใจตลอดไป

บทความที่เกี่ยวข้อง